ประวัติสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
ข้อมูลจาก : รายงานประจำปี 2552 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักตำรวจแห่งชาติ มกราคม 2553 |
 |
ก่อนปี พ.ศ.2470
ไม่มีระเบียบเกี่ยวกับการตรวจตราคนต่างด้าวที่เข้ามาในประเทศไทยฉะนั้นการเดิน
ทาง เข้า - ออก ของคนต่างด้าวจึงเป็นไปได้โดยเสรีจนกระทั่งปี พ.ศ.2470
รัฐบาลในสมเด็จพระ ปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้ทรงตราพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2470 ขึ้น
พร้อมทั้งจัดตั้งหน่วยงานและ
เจ้าหน้าที่ให้มีหน้าที่รักษาการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง
พ.ศ.2470 เรียกว่า "กรมตรวจคนเข้าเมือง" ขึ้นตรงต่อกระทรวงมหาดไทย
และกระทรวงมหาดไทยได้แต่งตั้ง นายพันตำรวจเอก พระยาวิชัยประชาบาล
เป็นเจ้ากรมตรวจคนเข้าเมืองคนแรกมีสถานที่ทำงานอยู่ที่ถนนนเรศน์
เป็นอาคารสองชั้นเช่าจากเอกชน
ซึ่งอยู่ใกล้สถานีตำรวจนครบาลบางรักในปัจจุบัน
ขณะนั้นมีพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญประมาณ 50 - 60 คน
การเดินทางเข้าออกของคนต่างด้าวส่วนใหญ่จะเข้ามาโดย พาหนะทางน้ำและทางบก
มีศูนย์รวมที่ทำการอยู่ในกรุงเทพฯ
และมีด่านตรวจคนเข้าเมืองมณฑลด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด
และด่านตรวจคนเข้าเมืองอำเภอบางแห่งในในภาคตะวันออกและภาคใต้เท่านั้น |
พ.ศ.2475
ประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงการปกครองและฐานะการเงินของประเทศตกต่ำ
รัฐบาลได้ตัดทอนงบประมาณรายจ่ายของประเทศลง
เป็นเหตุให้กรมตำรวจคนเข้าเมืองได้ลดสถานภาพลงมาเป็น
กองตรวจคนเข้าเมืองขึ้นตรงต่อกรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทยเมื่อเดือน พฤศจิกายน
พ.ศ.2475 |
พ.ศ.2478
กองตรวจคนเข้าเมืองได้ย้ายที่ทำการมาอยู่ถนนสาธรใต้
ปัจจุบันเป็นที่พักของข้าราชการตำรวจสถานีตำรวจนครบาลยานนาวา
และเพิ่มด่านตรวจคนเข้าเมืองขึ้นทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
และภาคใต้ |
พ.ศ.2483
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2
กรมตำรวจได้ขอใช้สถานทูตเยอรมันซึ่งอยู่ในความครอบครองของรัฐบาลเป็นที่ทำ
การกองตรวจคนเข้าเมืองและได้ปรับสถานภาพพนักงานเจ้าหน้าที่จากข้าราชการ
พลเรือน เป็นข้าราชการตำรวจแต่งเครื่องแบบพิเศษ ตามธรรมเนียมของอารยประเทศ |
พ.ศ.2503
กองตรวจคนเข้าเมืองได้ย้ายที่ทำการมาอยู่ ณ ที่ทำการที่ได้ก่อสร้างใหม่
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2503 ที่ปากซอยพิพัฒน์
ซึ่งต่อมาเป็นที่ทำการของกองทะเบียนคนต่างด้าวและภาษีอากร |
พ.ศ.2508
ได้ปรับปรุงส่วนราชการและกำหนดหน้าที่การงานของกองตรวจคนเข้าเมืองเป็น 5
กองกำกับการ 13 แผนก และด่านตรวจคนเข้าเมืองส่วนภูมิภาคอีก 58 แห่ง
(ต่อมาเพิ่มศูนย์การสื่อสาร และด่านตรวจคนเข้าเมืองส่วนภูมิภาคอีกบางแห่ง) |
พ.ศ.2517
กองตรวจคนเข้าเมืองได้ย้ายที่ทำการมาอยู่แห่งใหม่ (ที่ทำการในปัจจุบัน)
ที่ซอยสวนพลูถนนสาธรใต้ เขตสาธร กรุงเทพฯ
ซึ่งที่ทำการแห่งใหม่นี้ได้ก่อสร้างบนที่ดินของกรมธนารักษ์ มีเนื้อที่ 4
ไร่ 2 งาน54 ตารางวา สิ้นค่าก่อสร้าง 26,842,990 บาท |
|
พ.ศ.2523
คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)
ได้อนุมัติกำหนดตำแหน่งข้าราชการในสังกัดกองตรวจคนเข้าเมือง
ตามคุณภาพและปริมาณงานไว้ โดยมีตำแหน่ง ข้าราชการตำรวจรวมทั้งสิ้น 1,049
ตำแหน่ง |
พ.ศ.2530
คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)
ได้อนุมัติกำหนดตำแหน่งให้งานตรวจลงตรากองกำกับการ 2 กองตรวจคนเข้าเมือง
อีก 53 ตำแหน่ง และได้ปรับปรุงแผนกตรวจพาหนะทางอากาศ
กองกำกับการ2กองตรวจคนเข้าเมือง โดยยกเลิกตำแหน่งเดิมทั้งหมด
และกำหนดตำแหน่งขึ้นใหม่ทั้งหมด 307 ตำแหน่ง |
พ.ศ.2533
คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้อนุมัติให้โอนกองกำกับการ 1
กองทะเบียนคนต่างด้าว มีฐานะเทียบเท่ากองกำกับการ
และอนุมัติให้ปรับปรุงแผนกตรวจพาหนะทางอากาศ และ งาน ตรวจลงตรา กองกำกับการ
2 กองตรวจคนเข้าเมือง โดยกำหนดกลุ่มงานเรียกว่า "ฝ่าย"
(ได้แก่ฝ่ายตรวจพาหนะทางอากาศ 1 และ 2)และงานเทียบเท่าแผนก 18
งานเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะแก้ไขพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการ พ.ศ.2508
ให้ถูกต้องในภายหลัง โดยยกเลิกตำแหน่งเดิมทั้งหมด 380 ตำแหน่ง
และกำหนดตำแหน่งใหม่ทั้งสิ้น 672 ตำแหน่ง |
พ.ศ.2536
ได้ปรับปรุงโครงสร้างเป็นหน่วยงานระดับกองบัญชาการ โดยเรียกว่า
"สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง" ประกอบด้วย 4 กองบังคับการ
เพื่อให้การปฎิบัติงานของ ตม.เกิดประสิทธิภาพและ ประสิทธิผล
สูงสุดตลอดจนสามารถรองรับและปฎิบัติงานในลักษณะที่สอดประสานกับแนวนโยบาย
แห่งรัฐ |
พ.ศ.2548
ได้ปรับปรุงโครงสร้าง ประกอบด้วย 3 กองบังคับการ และ 6 หน่วยงาน
เพื่อให้การปฎิบัติงานของ ตม.เกิดประสิทธิภาพและ ประสิทธิผล
สูงสุดตลอดจนสามารถรองรับและปฎิบัติงานในลักษณะที่สอดประสานกับแนวนโยบาย
แห่งรัฐ |
พ.ศ.2552
ได้ปรับปรุงโครงสร้าง ประกอบด้วย 8 กองบังคับการ และ 1 หน่วยงาน
เพื่อให้การปฎิบัติงานของ ตม.เกิดประสิทธิภาพและ ประสิทธิผล
สูงสุดตลอดจนสามารถรองรับและปฎิบัติงานในลักษณะที่สอดประสานกับแนวนโยบาย
แห่งรัฐ |
|
ติดต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง |